Review (No.199/2017)
The Third Murder
ประเภท : Drama
Rate : 15+
ความยาว 125 นาที
กำหนดฉาย 07 Dec 2017
รีวิว (ดูมาแล้วเข้ามาให้คะแนนในเว็บกันด้วยนะ)
นิ่งเนิบสไตล์ญี่ปุ่นแท้แต่หนักหน่วงมากเหมือนค่อยๆจิบชาเข้มๆเล่นประเด็นให้ขบคิดได้หนักจนรู้สึกเหมือนถูกเชือดช้าๆคาเบาะควรเติมพลังๆเต็มที่ก่อนดู
ต้องบอกก่อนเลยว่านี่ไม่ใช่หนังที่เหมาะสำหรับทุกคนหนังเรื่องนี้ค่อนข้าง “หนัก” และต้องใช้ความคิดพอสมควรในการดูเพื่อติดตามเนื้อเรื่องและสิ่งที่หนังต้องการสื่อเอาง่ายๆมันคือ “ราโชมอน” ในยุคปัจจุบันนั่นเองที่ทิ้งประเด็นคำถามให้คนดูได้ขบคิดกันไปตลอดว่าใครคือฆาตรกรตัวจริงและสิ่งที่คุณจะออกมาจากโรงตอนจบนั้นอาจได้คำตอบไปอีกแบบในขณะที่คำถามตั้งต้นก็ยังคงอยู่ในหัวหลายๆคนและรับรองว่ามีมึนและอึนกันแน่ๆเพราะผู้กำกับอย่างโคเรเอดะเองก็บอกว่า “ผมเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นฆาตรกรผมไม่อาจตัดสินพวกเขา” เฮ้ยไหมล่ะครัชแต่ยังไงก็ตามมันก็มีหลายๆอย่างให้เราได้เลือกที่จะเชื่อตามมุมมองของเราและใครชอบแนวสืบสวนดราม่าก็ห้ามพลาดเด็ดขาด
หนังเรื่องนี้เป็นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆเลยคือมีเป็นนิ่งเงียบเนิบสไตล์วิถีเซ็นที่ทำให้คนดูซึมซับไปช้าๆกับความไหลไปดุจสายน้ำเอื่อย ๆแต่ในขณะเดียวกันภายใต้น้ำก็มีความเชี่ยวกราดที่หนักแน่นของหนังเหมือนกับเรากำลังจิบฉารสเข้มๆแบบเรื่อยๆไม่รีบร้อนอย่างนั้นเลย
เป็นหนังที่ต้องตั้งใจดูมากและแนะนำให้เติมพลัง (พักผ่อน) ให้เต็มที่ก่อนมาดูไม่งั้นมีสิทธิ์ผล็อยหลับแน่ๆด้วยความนิ่งเนิบเรื่องนี้เต็มไปด้วยบทสนทนาที่มีความหมายรวมถึงสัญลักษณ์และการกระทำต่างๆด้วยเช่นกันที่แฝงหลายๆอย่างให้เราได้ขบคิดตามเป็นหนังที่มีความเป็นศิลปะบนแผ่นฟิล์มค่อยข้างสูงเรื่องหนึ่งหนังเล่าเรื่องด้วยมุมมองของตัวเอกที่เป็นทนายไม่ใช่ตำรวจดังนั้นอย่าคาดหวังการสืบแบบตำรวจที่น่าตื่นเต้นไล่ล่าแต่การสืบค้นในเรื่องนี้จะเป็นการคุยๆๆๆพบหลักฐานแล้วก็คุยๆๆแต่หากเราตั้งใจดูและซึบซับไปกับบทสนทนาและเหตุการณ์เราจะพบว่าเรื่องมันน่าติดตามมากขึ้นๆแบบมีเสน่ห์อย่างประหลาดเพราะหนังพาให้เราได้คิดไปตลอดเวลาการกระทำนี้คืออะไรไอ้นี่คืออะไรและที่สำคัญคือประเด็นแฝงที่เล่นกับคำถามเรื่องความยุติธรรมของเรื่องนี้ถึงเล่นประเด็นคล้ายราโชมอนก็จริงแต่กลับบาดลึกได้แสบสันต์จริงๆหนังเล่นกับคำถามเรื่องระบบความยุติธรรมและการตัดสินคนได้แบบเจ็บลึกหนังไม่ได้ประโคมอะไรแต่ร้อยเรียงแบบเรื่อยๆในแต่ละซีนๆจนเมื่อเราดิ่งลึกลงไปกับตัวเอกพอฉากสุดท้ายนั่นแหละเราถึงรู้ตัวว่าที่ผ่านมาเราโดนเชือดแบบช้าๆคาเบาะพอฉากสุดท้ายก็สามารถซัดคนดูได้หนักหน่วงจนอึนเลยทีเดียวและฉากสุดท้ายในการเผชิญหน้าของทนายและผู้ต้องหานั้นยกให้เป็น 1 ใน Best Scene ของปีนี้เลยทีเดียวมันเข้มข้นหนักหน่วงและบาดลึกใจได้แบบสุดๆแต่อย่างที่บอกว่าถ้าใครไม่ชอบหนังพูดคุยสืบสวนหรือสไตล์หนังญี่ปุ่นแบบนิ่งเนิบซึมซับบรรยากาศขอให้ผ่านเรื่องนี้ได้เลยนะฮะไม่งั้นมีฝันคาโรงแน่ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงของนักแสดงนำที่ปล่อยของกันออกมากันแบบไม่ยั้งทั้งมาซาฮารุฟุกุยาม่าและยาคุโชโคจิทุกฉากทุกซีนที่เผชิญหน้ากันมันหนักหน่วงเหมือนทั้งคู่กำลังต่อสู้คือคาดเดาอะไรแทบไม่ได้ว่าคิดอะไรเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจและเปลี่ยนไปทุกครั้งเมื่อเผชิญหน้ากันและอย่างที่บอกว่าฉากสุดท้ายนั้นเป็นอะไรที่หนักหน่วงและทำให้เราตรึงไปกับฉากนั้นได้สุดๆส่วนน้องหนูซุซุฮิโรเสะเรื่องนี้ถูกแต่งให้ไม่สวยแต่ฝีมือน้องนั้นดีขึ้นมากจริงๆ
มีหลายอย่างที่หนังใส่เข้ามาแล้วละเลยจนรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต่อเส้นเรื่องเท่าไหร่คือดูจะมีส่วนสำคัญในแรงผลักดันเบื้องหลังแต่หนังใส่มานิดๆและละเลยไปจนรู้สึกว่าเป็นส่วนเกิน
ก็ขอแนะนำสำหรับคนชอบหนังดราม่าหนักๆหรือคอหนังสืบสวนรับรองคุณจะไม่ผิดหวังแน่นอนโดยเฉพาะคนที่รักราโชมอนต้องห้ามพลาดเรื่องนี้
8.5/10
#TheThirdMurder #เกิดมาเพื่อดูหนัง
Cr.@Ik^Q^San